2อธิบดีกรมอุทยานฯ-ป่าไม้ ไม่เอาด้วยรื้อถอนรีสอร์ตรุกทับลาน-วังน้ำเขียว"ทับลาน-วังน้ำเขียว" ถึงทางตัน "2 อธิบดีกรมอุทยานฯ-ป่าไม้" ไม่เอาด้วยรื้อถอนรีสอร์ตรุกป่า สั่งเจ้าหน้าที่หาทางออกแบบไม่ต้องทุบทิ้ง ด้านกรมอุทยานฯ กุมขมับหาแผนหลอกฝรั่ง ผุดไอเดียให้เช่า 5-10 ปี ค่อยเชิญพวกรุกป่าออกจากพื้นที่ หลังกรรมการมรดกโลกบี้ส่งรายงานผลปราบรุกพื้นที่ ก.พ. 56…
เมื่อวัน ที่ 26 ธ.ค. 55 นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในการมอบนโยบายแก่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ว่า ในเรื่องของการปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่า ให้มีการบล็อกพื้นที่ไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มเติม และต้องทำความเข้าใจและหาแนวร่วมจากชาวบ้านในพื้นที่ให้มีการทำสัญญาประชาคม ในการดูแลรักษาป่าร่วมกัน และต้องร่วมกันหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่ม
นอกจาก นั้น ในเรื่องความสามัคคีในหมู่คณะและองค์กรเป็นเรื่องสำคัญ จากนี้ต้องไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและร่วมกันทำงานให้ดีที่สุด จากนั้นนายมโนพัศให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีการแก้ปัญหาบุกรุกอุทยานฯ ทับลาน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ว่า ต้องดูข้อกฎหมายเป็นสำคัญ ในส่วนที่ผิดแล้วก็ต้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ จะลงพื้นที่อุทยานฯ ทับลานเพื่อติดตามปัญหาต่างๆ หลังช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ และสำหรับในส่วนรีสอร์ต 3 แห่ง ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง จะมีการรื้อถอนในเร็วๆ นี้ เพราะคดีสิ้นสุดแล้ว โดยการรื้อจะไม่ใช่วิธีครึกโครม แต่จะใช้กำลังคนเข้ารื้อถอน คาดว่าจะใช้กำลังประมาณ 500 นาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องมีการหา ทางออกการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ในแนวทางอื่นหรือไม่ นายมโนพัศ กล่าวว่า ในส่วนที่รื้อถอนทุบทิ้งไปแล้วก็ต้องดำเนินการต่อให้จบ แต่ส่วนที่เหลือยังมีขั้นตอนในเรื่องขั้นตอนการอุทธรณ์และกระบวนการทางศาล ซึ่งต้องรอดูผลการดำเนินการนี้ก่อน ยืนยันว่าทุกอย่างต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและยึดนโยบายของรัฐบาล เป็นหลักว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการตั้งทีมขึ้นมาศึกษาพิจารณาเพื่อหาทางออกกรณีดังกล่าว
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายมโนพัศได้มีการร่วมหารือกับ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ ถึงการหาทางออกในการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยเฉพาะกรณีวังน้ำเขียว-ทับลาน ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบทั้งในส่วนของกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ ซึ่งทั้งนายมโนพัศและนายบุญชอบไม่เห็นด้วยกับแนวทางการรื้อถอน ทุบทิ้ง รีสอร์ต บ้านพักที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน ที่ได้ดำเนินการในสมัยของ นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ และให้เจ้าหน้าที่ไปหาทางออกที่เหมาะสมว่าในส่วนคดีที่เหลือกว่า 300 คดี จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ไม่ต้องรื้อถอนได้หรือไม่
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมอุทยานฯ ได้มีการประชุมกรณีผลกระทบการก่อสร้างเขื่อนห้วยโสมง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่คาบเกี่ยวพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน และปางสีดา จ.ปราจีนบุรี ที่กรมอุทยานฯ ต้องรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการมรดกโลกภายในเดือน ก.พ. 2556 นี้ ซึ่งที่ประชุมได้มีการหยิบยกถึงปัญหาการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน โดยเฉพาะจากรีสอร์ตและบ้านพักตากอากาศ และชุมชนที่ยังเป็นปัญหายืดเยื้อมาจนขณะนี้ เพราะยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เนื่องจากมีการต่อต้านจากเจ้าของรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศ และกลุ่มการเมืองในพื้นที่ รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลที่ไม่มีความชัดเจน ซึ่งได้มีการเสนอในที่ประชุมว่า เมื่อต้องรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการมรดกโลก แต่ยังรื้อถอนรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศที่บุกรุกพื้นที่ไม่ได้ หลังจากนี้ควรให้มีการทำสัญญากับผู้ประกอบการในเรื่องการให้เช่าพื้นที่ก่อน เป็นระยะเวลา 5-10 ปี เมื่อครบกำหนดแล้ว ต้องออกจากพื้นที่โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
อย่างไรก็ตาม ทางออกในเรื่องการให้เช่าพื้นที่ก็ยังเป็นปัญหาว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาตีความแล้วว่า กรมอุทยานฯ ไม่สามารถรับมอบสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกอุทยานฯ ได้ เพราะเป็นการกระทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.อุทยานฯ 2504.
ที่มา :
ไทยรัฐ