Strategy Analytics รายงานว่าแอปเปิลได้ขึ้นเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับหนึ่งในแง่จำนวนเครื่องเป็นครั้งแรก ในไตรมาส 4 ของปี ค.ศ. 2012 ด้วยส่วนแบ่งที่ 34 เปอร์เซนต์หรือจำนวนเครื่องประมาณการที่ 17.7 ล้านเครื่อง อันดับที่สองเป็นของซัมซุงด้วยส่วนแบ่ง 32.3 เปอร์เซนต์หรือประมาณ 16.8 ล้านเครื่อง ส่วนอันดับสามคือแอลจีที่ตามมาห่างๆด้วยส่วนแบ่ง 9 เปอร์เซนต์หรือประมาณ 4.7 ล้านเครื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้ซัมซุงจะสูญเสียตำแหน่งแชมป์ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา แต่ซัมซุงยังคงเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งเมื่อพิจารณาแบบรวมทั้งปี ด้วยส่วนแบ่งที่ 31.8 เปอร์เซนต์ เทียบกับแอปเปิลที่ 26.2 เปอร์เซนต์และแอลจี 12.3 เปอร์เซนต์
Strategy Analytics บอกว่าความช่วยเหลือจากเครือข่ายกับการตลาดอย่างกว้างขวางของ iPhone 5 มีส่วนช่วยให้แอปเปิลได้ตำแหน่งนี้มาครองแทนซัมซุงที่ครองตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ ค.ศ. 2008 แม้ว่าในไตรมาสนี้ ซัมซุงยังคงทำผลงานได้ดีด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาถึง 5 จุดเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ไม่อาจสู้กับกระแสของแอปเปิลที่ถีบตัวสูงกว่า
สำหรับแอลจีที่ยังรั้งผู้เล่นอันดับที่ 3 ในตลาดนี้ LG มีปัญหาในการแข่งขันกับผู้เล่นอย่างซัมซุงและแอปเปิลในตลาดสมาร์ทโฟนระดับ High-End ซึ่งแอลจีกำลังตั้งเป้าที่จะโต้กลับในปีนี้ด้วยรุ่นปรับปรุงใหม่อย่าง Optimus G 4G LTE นักวิเคราะห์จาก Strategy Analytics Linda Sui กล่าว
นอกจากนี้ยังมีการรายงานเพิ่มเติมว่าการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในสหรัฐฯ โตขึ้น 4 เปอร์เซนต์จากปีที่แล้ว โดยแตะระดับ 52 ล้านเครื่องในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับจำนวน 50.2 ล้านเครื่องเมื่อไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งการเติบโตนี้เป็นเหตุจากอุปสงค์ในสมาร์ทโฟน 4G และฟีเจอร์โฟน 3G ที่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การเติบโตในไตรมาส 4 ปีที่แล้วจะดี แต่ในไตรมาสก่อนๆ ของปีนั้น ตลาดได้หดตัวลง 16 เปอร์เซนต์อันเนื่องมากจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและนโยบายการเปลี่ยนผู้ให้บริการเครือข่ายที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งเป็นผลให้ยอดการส่งมอบทั้งปีลดลง 11 เปอร์เซนต์ จาก 186.8 ล้านเครื่องในปี ค.ศ. 2011 ไปที่ 166.9 ล้านเครื่องในปี ค.ศ. 2012
นอกจากนี้นักวิเคราะห์อีกค่ายอย่าง NPD ยังรายงานเพิ่มเติมว่าในตลาดสมาร์ทโฟนของสหรัฐฯ แอปเปิลยังรักษาอันดังหนึ่งไว้ได้ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 39 เปอร์เซนต์ ส่วนซัมซุงยังคงรั้งอันดับสอง แม้ว่าจะได้ Galaxy S3 มาช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากร้อยละ 21 เป็นร้อยละ 30 เมื่อเทียบไตรมาส 4 ของ ค.ศ. 2011 กับของ ค.ศ. 2012
ที่มา -
TechCrunch,
Financial Times (ต้องการการสมัครสมาชิก)