ศน.ขอปรับโครงสร้างใหม่ รองรับประชาคมอาเซียน-แก้ปัญหาล่าช้า นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหารและข้าราชการกรมการศาสนา ว่า ที่ผ่านมายอมรับว่างานของกรมการศาสนาเกิดความล่าช้า เนื่องจากบุคลากรไม่เพียงพอ และติดปัญหาที่ระบบโครงสร้าง ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าถึงเวลาแล้ว ที่จะปรับโครงสร้างและบทบาทการทำงานของศน.ใหม่ โดยจะเพิ่มตำแหน่งรองอธิบดีกรมการศาสนาเพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง รวมเป็น 2 ตำแหน่ง เพื่อมาช่วยแบ่งเบารวมทั้งจะเพิ่มกลุ่มงานอาเซียน และมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่วิเทศสัมพันธ์ ภายในสำนักพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ในการดูแลงานศาสนาอาเซียน และการส่งเสริมงานพระธรรมทูตทั่วโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
นายปรีชากล่าวต่อไปว่า ที่สำคัญกรมการศาสนาจะต้องขอเพิ่มบุคลากร เพราะปัจจุบันมีอยู่เพียง 120 อัตรา ซึ่งไม่เพียงพอต่อการทำงานที่มีเพิ่มขึ้น นอกจากนี้จะต้องมีการปรับศักยภาพบุคลากรใหม่ ไม่ใช่แบ่งแยกงานกันทำเหมือนในปัจจุบัน โดยแต่ละฝ่ายต้องประสานงานกัน หากมีการสัมมนาจะต้องรวมกลุ่มกันทำงาน และมีการประชาสัมพันธ์งานของกรมการศาสนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังได้มอบหมายให้นายกฤษฎา คงคะจันทร์ รองอธิบดีกรมการศาสนาคนใหม่ เข้ามาดูแลเกี่ยวกับงานศาสนาอาเซียน และงานวิเทศสัมพันธ์ในต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นงานสำคัญที่จะเปิดรับประชาคมอาเซียนในปี 2558
"การปรับโครงสร้างของกรมการศาสนา ผมจะนำเสนอต่อ นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้พิจารณา เพื่อนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนสามัญประจำ (อ.ก.พ.) กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อบรรจุในวาระการประชุมในเร็วๆ นี้ ผมขอเน้นย้ำว่า การทำงานด้านพระพุทธศาสนาระหว่างกรมการศาสนา และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต่างก็สนองงานคณะสงฆ์เหมือนกัน อย่าได้มองว่าเป็นความซ้ำซ้อน อยากให้เดินไปพร้อมกัน หากอะไรที่สำนักพุทธฯ ทำได้ เรายินดีสนับสนุน โดยสำนักพุทธฯ ดูเรื่องการศึกษาพระทรัพย์สมบัติวัดก็ทำให้เต็มที่ แต่เรื่องของการให้ประชาชนไปเข้าวัด กรมการศาสนาจะรณรงค์ ทาง สำนักพุทธฯ เตรียมพระ เตรียมวัดไว้ให้พร้อม สุดท้ายก็จะเป็นการดีต่อพระพุทธศาสนาที่มี 2 หน่วยงานคอยสนับสนุน ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน" อธิบดีกรมการศาสนากล่าว
ข่าว : ข่าวสด
12 กุมภาพันธ์ 2556